บทที่ 5 ตอนที่ 5
“เราเลิกงานตั้งสี่ทุ่ม ตอนนี้เดนิเรล การ์รัสโซ่คงนอนหลับไปแล้วล่ะ”
วาดจันทร์พยักหน้าหงึก ๆ อย่างเห็นด้วย จริงสินะหล่อนกับปาณนิศาทำโอทีกันทุกคืน กว่าจะได้เลิกงานก็สี่ทุ่มกว่านู่นแหละ
“แต่ฉันเป็นห่วงเธอนี่นิศา... กลัวว่าเธอจะถูกพวกนั้นจับโยนออกมา...”
ความห่วงใยที่วาดจันทร์มอบให้นั้นมันมากมายจนปาณนิศาน้ำตาซึมออกมาอีกรอบ หญิงสาวดึงมือของเพื่อนรักมากุมเอาไว้ และบีบเบา ๆ
“ฉันสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดี... เชื่อใจฉันนะจันทร์”
วาดจันทร์ฝืนยิ้มออกมา แต่กระนั้นก็ยังอดห่วงเพื่อนรักไม่ได้อยู่ดี “เธอต้องสัญญากับฉันนะว่าจะไม่ทำอะไรที่เสี่ยงเกินไป ฉันเป็นห่วงเธอมากนะ”
“ฉันรู้... ฉันสัญญาว่าจะรีบกลับมา ขอบใจมากนะจันทร์ที่เธอยืนอยู่ข้างฉันเสมอ ฝากลางานกับหัวหน้าให้ด้วยนะ แล้วฉันจะรีบกลับมา”
ปาณนิศายกมือป้ายคราบน้ำตาที่เกาะแก้มนวลออกอีกครั้ง ก่อนจะรีบก้าวยาว ๆ เดินออกไปจากห้างสรรพสินค้าที่หล่อนกับวาดจันทร์เป็นพนักงานอยู่อย่างรวดเร็ว วาดจันทร์มองตามไปด้วยความห่วงใย แต่ก็ทำได้แค่เพียงส่งกำลังใจไปช่วยเท่านั้น เพราะเรื่องของผู้ชายการ์รัสโซ่มันเหลือบ่ากว่าแรงของหล่อนเสียจริง ๆ
ตึกสูงระฟ้าตรงหน้าทำให้แข้งขาของปาณนิศาสั่นเทา ความหวาดกลัว ความหวั่นเกรงทำให้เท้าของหล่อนไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อีก จำต้องหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ ลมหายใจที่เคยเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นตอนนี้ผะแผ่วจนน่าเวทนา
หรือว่าหล่อนควรจะกลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อนดีนะ มีเวลาเหลืออีกตั้งหกวันไม่ใช่หรือ ความหวาดกลัวทำให้ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในสมอง แต่ความเข้มแข็งที่เคยมีในหัวใจก็แย้งขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ และสุดท้ายมันก็เอาชนะความอ่อนแอได้อย่างสวยงาม
ยังไงซะหล่อนก็ต้องเผชิญหน้ากับวันนี้อยู่ดี ในเมื่อมาถึงแล้วก็รีบ ๆ จัดการให้มันจบ ๆ ไป ความทุกข์ทั้งหลายทั้งมวลจะได้สูญสลายไปจากชีวิตของหล่อนเสียที หญิงสาวเม้มปากแน่น พลางสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ก้าวยาว ๆ เดินมุ่งหน้าเข้าไปภายในตึกสูงตระหง่านตรงหน้าทันที
พนักงานรักษาความปลอดภัยมองหน้าหล่อนและเลยลงไปถึงเสื้อผ้าที่หล่อนสวมใส่อยู่ชั่วขณะ ก่อนจะก้มศีรษะและรีบเปิดประตูกระจกบานใหญ่ให้อย่างเสียไม่ได้ ปาณนิศาก้าวเท้าลงบนพรมสีน้ำเงินหนาที่ถูกปูเอาไว้ทั่วทั้งบริเวณที่เห็นอย่างระมัดระวัง ราวกับกลัวว่ามันจะเปื้อนเปรอะเพราะคราบคนจนของตัวเองอย่างยังไงยังงั้น
ก็หล่อนมันไม่ผิดจากหนูสกปรกนี่ หนูสกปรกโสมมที่หลงเข้ามาในพระราชวังของเจ้าชายสูงศักดิ์โดยไม่ได้ตั้งใจ ความอดสูแล่นผ่านอยู่ภายในอก ความเจ็บช้ำผลักดันให้น้ำตาใส ๆ ผุดพรายขึ้นมาคลอหน่วยตา จนปาณนิศาต้องกะพริบถี่ ๆ เพื่อไล่ให้มันกลับลงไปอยู่แต่ภายในอกเท่านั้น
แค่มาทวงคำสัญญาจากเดนิเรล การ์รัสโซ่เท่านั้น แค่นั้นเอง หล่อนไม่ได้มายั่วยวนหรือคิดอะไรไม่ดีสักหน่อย ปาณนิศาบอกตัวเองอย่างนั้น ขณะพยายามข่มความประหม่าที่อัดแน่นอยู่ในอกเอาไว้สุดความสามารถ และเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างงดงาม
“สวัสดีค่ะ... เอ่อ ดิฉัน...”
ปาณนิศาทักทายและยิ้มให้กับผู้หญิงที่แต่งตัวสวยงามสามสี่คนที่นั่งเรียงกันอยู่หน้าเคาน์เตอร์ แต่ไม่มีคนไหนที่ยิ้มตอบหล่อนเลยสักคนเดียว ทุกคนพากันมองหล่อนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แถมยังเหยียดยิ้มหยันใส่หล่อนอย่างไม่เกรงใจอีกต่างหาก
“ที่นี่ไม่อนุญาตให้เข้ามาขายของนะคะ”
เสียงดูแคลนจากสาวคนหนึ่งในจำนวนหลายคนเอ่ยขึ้น และทุกคนที่ได้ยินก็อมยิ้ม บางคนกลั้นไม่ไหวก็หัวเราะออกมาเลย
ปาณนิศากัดปากแน่น กัดปากจนเลือดไหลซึมเพื่อข่มความไม่พอใจเอาไว้ในอก ท่องเอาไว้ปาณนิศาว่าเธอมาทำหน้าที่ลูกกตัญญู ดังนั้นอย่าใส่ใจสายตาของคนอื่น ข่มใจเอาไว้ คิดเสียว่าที่พวกนี้อมยิ้มและหัวเราะก็เพราะกำลังชื่นชมเธออยู่
“ดิฉันไม่ได้มาขายของค่ะ...”
“เหรอคะ แล้ว...” คนพูดมองหล่อนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะอมยิ้มเหยียดหยันเช่นเดิม “มาทำอะไรล่ะคะ ถ้าไม่ได้มาขาย...” คนพูดจงใจหยุดเอาไว้แค่นั้น เพื่อให้หล่อนคิดต่อเอาเอง แต่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแม่พวกนี้คิดว่าหล่อนมาขายอะไร
“หากพวกคุณคิดว่าดิฉันมาขายตัวล่ะก็... ผิดเสียแล้วล่ะค่ะ เพราะที่ดิฉันมาในวันนี้ก็เพื่อจะมาพบเจ้านายของพวกคุณ...”
“สารรูปแบบคุณนี่นะคะจะมาพบท่านประธาน...” คราวนี้เป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่งพูดขึ้นมา ปาณนิศาหน้าร้อนผ่าว แต่ก็กัดฟันทน
“ใช่ค่ะ สารรูปแบบนี้แหละที่คุณเดนิเรล การ์รัสโซ่จะต้องยอมให้เข้าไปพบ ไปบอกท่านประธานของพวกคุณนะคะว่า...” ปาณนิศาแกล้งปั้นยิ้ม และเดินเข้าไปใช้นิ้วเคาะบนเคาน์เตอร์ตรงหน้าแม่สาวสวยพวกนั้นอย่างถือไพ่เหนือกว่า
“อินทิภา โมราส มาขอพบ...”
“ถ้าไม่ได้นัดล่วงหน้าเอาไว้ก่อน ท่านประธานไม่มีทางอนุญาตให้เข้าพบแน่” แม่ประชาสัมพันธ์สาวคนเดิมยังเสียงแข็งใส่หล่อนไม่เปลี่ยนแปลง
